วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภาค 5 : Vento Aureo : สายลมทองคำ (2001 - Giorno Giovanna)[แก้]

ดูบทความหลักที่: โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 5
เรื่องราวเกิดขึ้นในอิตาลี
ตัวเอกคือ โจรูโน่ โจบาน่า(สแตนด์:โกลเอ็กซ์ พีเรียนซ์ สามารถให้กำเนิดหรือปลูกถ่ายสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่ได้) ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นลูกชายของ ดิโอ แบรนโดกับหญิงสาวที่น่าจะเป็นเหยื่อของดีโอ แต่มีสายเลือดของโจสตาร์ โดยมี ฮิโรเสะ โคอิจิ ตัวละครในภาค 4 เป็นคนเชื่อมเรื่องกับภาค 4 ในช่วงแรก ภาคนี้เป็นการชิงไหวชิงพริบในแก๊งมาเฟียอิตาลีที่โจรูโน่สังกัดอยู่ และเดินทางไปทั่วประเทศอิตาลีในเรื่อง โจรูน่าอยากจะเป็นมาเฟียจึงไปอยู่ในองค์กรพาสซิโอเน่ที่มี บรูโน่ บูจาราตี้(สแตนด์:สติงกี้ ฟิงเกอร์) เป็นผู้นำเข้าทีมขององค์กร และมีพรรคพวกอีก 4 คน ภายหลังบอสได้มีคำสั่งให้ช่วยดูแลลูกสาวของตนนั่นก็คือ "ทริช" (สแตนด์:สไปร์ท เกิร์ล) แต่ความจริงแล้วที่มีคำสั่งให้พวกโจรูโน่ดูแลอย่างดีก็เพื่อที่ตนจะได้ฆ่าลูกสาวตนเองกับมือ ทำให้พวกโจรูโน่ยอมให้ทำแบบนั้นไม่ได้ จึงคิดที่จะทรยศบอสซะ บอสเลยส่งทีมนักฆ่าไปลอบสังหารพวกโจรูโน่แต่ ก็รอดมาได้ทุกครั้ง ท้ายสุดเมื่อโจรูโน่ได้พบกับบอส ก็คือ คิงคริมสัน เป็นสแตนด์ที่สามารถลบเวลาออกไปได้ แต่โจรูโน่ก็ได้โค่นบอสลงได้โดยการที่แทงลูกธนูเข้าที่อกตนเองอีกครั้ง ทำให้มีความสามารถใหม่เกิดขึ้นจึงสามารถเอาชนะบอสได้ ในที่สุด โจรูโน่ก็ได้เป็นประธานองค์กรพาสซิโอเน่ (การต่อสู้ครั้งนี้สูญเสียพรรคพวกไป4คน:นารันช่า,บูจาราตี้,อาบัคคิโอ้,ฟูโก้(ซึ่งขอแยกตัวไปในตอนที่ทีมตัดสินใจทรยศบอส)
ที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%89_%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9

ภาค 4 : Diamond is Unbreakable : เพชรแท้ไม่มีวันสลาย (1999 - Higashikata Josuke)[แก้]

ดูบทความหลักที่: โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 4
เรื่องราวเกิดขึ้นในญี่ปุ่น ที่เมืองโมริโอ ปี ค.ศ. 1999
ตัวเอกคือ ฮิงาชิคาตะ โจสุเกะ ชื่อสแตนด์คือ:เครซี่ ไดมอนด์(โจทาโร่ตั้งให้) ลูกชายอีกคนหนึ่งของ โจเซฟ โจสตาร์ กับหญิงสาวชาวญี่ปุ่น ความสามารถสแตนด์ของโจสุเกะก็คือสามารถรักษาอาการบาดแผลของคน ซ่อมแซมสิ่งของได้ทุกอย่าง เนื้อหาจะเกี่ยวกับผู้ใช้สแตนด์ที่เพิ่มมากขึ้นจากการที่ใครบางคนใช้ธนูกับคันศรยิงคนทั่วไป ทำให้เกิดผู้ใช้สแตนด์ทั้งดีและร้าย โดยศัตรูสุดท้ายที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ คิระ โยชิคาเงะฆาตกรโรคจิตที่ได้รับพลังสแตนด์สำหรับฆ่าคนมา และใช้มันฆ่าหญิงสาวหลายสิบราย หลังจากที่ได้สืบหาข้อมูลของคิระแล้ว โจสุเกะและพรรคพวกได้พยายามตามล่าหาคิระ ภายหลังได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้นโจสุเกะเกือบตายเพราะพลังสแตนด์ของคิระ (คิลเลอร์ควีนร่าง 2หรือเชียร์ฮาร์ทแอคแท๊กซ์:พลังระเบิดที่สามารถกดชนวนระเบิดได้อัตโนมัติและสามารถปล่อยระเบิดล่องหนได้) แต่ก็มีพรรคพวกมาช่วยนั่นก็คือ ฮิโรเสะ โคอิจิ(สแตนด์:เอคโคส์ act3 ความสามารถในการถ่ายเทน้ำหนัก) และนิจิมูระ โอคุยาสึ (สแตนด์:เดอะแฮนด์ มือข้างขวาสามารถลบทุกสิ่งทุกอย่าง) ทำให้รอดพ้นนาทีวิกฤตมาได้
ที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%89_%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9

ภาค 3 : Stardust Crusaders : นักรบประกายดาว (1989 - Kujo Jotaro)[แก้]

ดูบทความหลักที่: โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 3
ตัวเอกคือคูโจ โจทาโร่ ต้องเดินทางจากญี่ปุ่นไปยังอียิปต์เพื่อต่อสู้กับดิโอ บรันโด ศัตรูของบรรพบุรุษในภาคแรกที่ฟื้นกลับมาอีกครั้ง โดยในภาคที่ 3 นี้ถือว่าเป็นภาคที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด โจทาโร่ได้พบพลังอันลึกลับของตน นั่นก็คือสแตนด์ เพื่อนร่วมในการเดินทางตั้งชื่อสแตนด์จากการทำนายไพ่มีชื่อว่า "สตาร์แพลตตินั่ม" ภาคนี้โจเซฟกลับมามีบทบาทอีกครั้งก็คือ เป็นคุณตาของโจทาโร่ถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังมีแสตนด์(เฮอร์มิท เพอเพิล:แสตนด์หนามกุหลาบสามารถถ่ายภาพระยะไกลได้) เริ่มเรื่องจากที่ โฮลี่ ลูกสาวของโจเซฟ หรือคุณแม่ของโจทาโร่ได้มีอาการทรุดหนักเนื่องจากมีสแตนด์เกิดขึ้นมาภายในตัว ซึ่งสแตนด์นี้มีการส่งผลในทางที่เลวร้าย ทำร้ายร่างกายของตนเพราะว่า ดีโอ บรันโดได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา โจเซฟและโจทาโร่กับพรรคพวก ร่วมกันออกเดินทางเพื่อตามล่าหาทางกำจัดดีโอ เพื่อแก้คำสาปที่กำลังทำร้ายแม่และลูกสาวของตน ภายหลังเมื่อต่อสู้กับดีโอ โจเซฟได้ตายไปเพราะถูกดีโอดูดเลือดจนหมดตัว ดีโอมีความสามารถในการหยุดเวลาทำให้โจทาโร่นั้นเฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง ต่อมาการต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้นโจทาโร่ก็ได้พบกับความสามารถของตัวเองที่เพิ่มขึ้นมา นั่นคือ"หยุดเวลา" ได้เช่นเดียวกับดีโอ พอดีโอได้รู้จึงรีบหาทางกำจัดโจทาโร่โดยการหยุดเวลาให้เร็วกว่า แล้วยกรถบรรทุกมาทับร่างโจทาโร่แต่ ช่วงที่การหยุดเวลาของดีโอจะหมดลง โจทาโร่ก็ได้หยุดเวลาต่อจากนั้นทำให้ดีโอถูกกำจัดลง แล้วโจเซฟก็ได้คืนชีพเพราะเลือดจากซากของดีโอ จากนั้นพรรคพวกก็แยกย้ายกันออกเดินทางกลับบ้านเกิด แล้วโจเซฟกับโจโทโร่ก็ได้กลับบ้านไปหาลูกสาวและแม่ของตนที่นั่งรออยู่ที่บ้านอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส่
ที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%89_%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9

ภาค 2 : Battle Tendency  : กระแสสงคราม (1939 - Joseph Joestar)[แก้]

หลังจากเรื่องราวในภาค1 สปีดวาก้อนได้เป็นเศรษฐีจากการค้าน้ำมัน ได้ก่อตั้งมูลนิธิสปีดวาก้อนขึ้นมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนกระกูลโจสตาร์และทำลายหน้ากากศิลาให้หมดสิ้นไป ได้พบบุรุษเสาหินในถ้ำประเทศเม็กซิโกและหน้ากากศิลาจึงพาสเตลท์(ลูกศิษย์ของทมเปตี้อาจาร์ยสอนพลังคลื่นมนตราให้วิล เอ เซเปลี่ อาจารย์ของโจนาธาน โจสตาร์)และผู้ติดตามมาเพื่อทำลายแต่สเตลท์กลับหักหลังทำร้ายสปีดวาก้อนและคนอื่นๆ และนำหน้ากากศิลามาสวม และตามหาตัว โจเซฟ โจสตาร์ อีกด้านหนึ่ง โจเซฟ โจสตาร์ ผู้เป็นหลานของโจนาธานเติบโตขึ้นด้วยการเลี้ยงดูของเอริน่า ย่าของเขา เอริน่าได้ปกปิดเรื่องราวทั้งหมดเป็นความลับ รวมถึงเรื่องของพ่อแม่ด้วย เขาได้พบกับสโมกกี้ และได้กลายเป็นเพื่อนกัน ต่อมาเขาได้ยินข่าวลือว่าสปีดวาก้อนถูกฆ่าตายจากหัวหน้าแก๊งมาเฟียทำให้เขาคิดจะล้างแค้นโดษการฆ่าสเตลท์ ต่อมาเขาได้พบกับสเตลท์ และได้เขาต่อสู้ จนได้รับชัยชนะ สเตลท์ได้เผาร่างตนเองด้วยคลื่นพลังมนตรา เขาได้รู้ว่ากองทัพนาซีนำโดยสโตกไฮลม์ได้นำบุรุษเสาหินไปทำการทดลอง และได้รู้อีกว่าสปืดวาก้อนยังไม่ตายและถูกช่วยโดยกองทัพนาซี จึงเข้าไปช่วย กองทัพนาซีสามารถคืนชีพบุรุษเสาหินได้และได้ตั้งชื่อว่าซันตานา แต่ซันตานาได้ทำร้ายทหารและนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด และจะเข้าไปทำร้ายสปีดวาก้อนและสโตกไฮลม์แต่โจเซฟมาช่วยไว้ได้ทัน และได้เข้าต่อสู้จนตัวซันตาน่าขาดครึ่งแต่ไม่สามารถสามารถเอาชนะได้ โจเซฟจึงลากออกไปข้างนอกเพื่อตากแสงอาทิตย์ แต่ซันตาน่าก็หยุดไว้ได้ สโตกไฮลม์จึงเข้ามาช่วยจึงสามารถออกมาข้างนอกได้ แต่ซันตาน่าได้เขาสิงสโตกไฮลม์ ทำให้ไม่โดนแสงอาทิตย์สโตกไฮลม์จึงยอมสละชีวิตเพื่อให้ซันตานาออกจากร่าง โจเซฟจึงลงไปยังบ่อน้ำและสามรถเอาชนะได้ด้วยความบังเอิญ ซันตานากลายเป็นหิน แต่ก่อนตายสโตกไฮลม์ได้บอกกับโจเซฟว่าพบบุรุษเสาหินตัวอื่นที่โรม และให้ตามหาซีซาร์ เซเปลี่ หลานของวิล เอ เซเปลี่ ด้วยความช่วยเหลือของซีซาร์ทำให้พบบุรุษเสาหิน แต่เหล่าบุรุษเสาหินในตำนานทั้งสาม ได้แก่ เอซิดิส วามูและคาร์ซ ก็คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเพื่อตามหาศิลาแดงเอเจอร์ที่เมื่อฝังไปยังหน้ากากศิลาแล้วจะมาอนุภาคทำลายล้างสูงและเป็นอมตะ ต่อมาได้ไปต่อกรกับโจเซฟและซีซาร์ ซีซาร์พ่ายแพ้ โจเซฟก็พ่ายแพ้เช่นกัน เพราะไม่ได้รับการฝึก โจเซฟได้ป่าวประกาศว่าจะขอเวลาไปฝึกแล้วจะมาสู้อีกครั้ง เอซิดิสได้ฝังแหวนยาพิษเข้าไปที่คอของโจเซฟส่วนวามูฝังแหวนไปที่หัวใจ โดยมีเวลา1เดือนก่อนยาออกฤกษ์ จากนั้นลิซ่าลิซ่า ได้มาเป็นครูฝึกพลังคลื่นมนตราให้กับ ซีซาร์และโจเซฟ ทำให้ทั้งสองมีวิชาด้านเฉพาะของตัวเองเพิ่มขึ้น จึงสามารถกำจัดเอซิดิสได้ จากนั้นต่อมามีการต่อสู้ของซีซาร์กับวามู ทำให้ซีซาร์ได้พ่ายแพ้และสิ้นชีพเพียงแค่วัย 20ปี ทำให้โจเซฟแค้นมาก จึงจัดการท้าประลองเกิดขึ้น โดยการให้ลิซ่าลิซ่า ต่อสู้กับคารซ์ แล้วตนเองต่อสู้กับวามู เพื่อแลกกับศิลาแดงเอเจอร์ การต่อสู้ของวามูทำให้โจเซฟได้ชัยชนะไป ส่วนการต่อสู้ของลิซ่าลิซ่า กับคาร์ซ ลิซ่าลิซ่าได้พ่ายแพ้แต่ไม่ถึงขั้นตาย ทำให้โจเซฟเกิดความโมโห จึงหาวิธีกำจัดคาร์ซ แต่คาร์ซได้พลังอมตะจากหน้ากากศิลาแดงเอเจอร์ไปซะก่อนแต่ภายหลังโจเซฟสามารถเอาชนะได้ การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้โจเซฟเสียแขนไปหนึ่งข้าง ต่อมาความลับถูกเปิดเผยก็คือ ลิซ่าลิซ่า ที่แท้จริงแล้วเป็นมารดาของโจเซฟ เป็นลูกเลี้ยงของเอริน่าที่เอริน่าเจอบนเรือวันที่ดิโอฆ่าโจนาธาน และหลังจากนั้นโจเซฟก็ได้แต่งงาน กับซูซี่ Q สาวรับใช้ของลิซ่าลิซ่า ซึ่งเกิดความผูกพันขึ้นในช่วงที่เธอเฝ้าพยาบาลเขาในช่วงที่เอาชนะคาร์ซได้แล้ว
ที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%89_%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9

โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ เนื้อเรื่องภาค 1

ภาค 1 : Phantom Blood : สายเลือดปิศาจ (1889 - Jonathan Joestar)[แก้]

เนื้อเรื่องกล่าวถึง โจนาธาน โจสตาร์ โจโจ้ คนแรกในซีรีส์ เป็นลูกโทนในตระกูลโจสตาร์ซึ่งเป็นตระกูลผู้ดีอังกฤษ และ ดิโอ บรันโด (Dio Brando)
ระหว่าที่ดาริโอ บรันโดกำลังรูดทรัพย์รถม้าของจอร์จ โจสตาร์ เมื่อจอร์จได้คืนสติจึงคิดว่าดาริโอเป็นผู้ช่วยตนและได้มอบแหวนของภรรยาที่ตายให้กับดาริโอเพื่อไปประกอบอาชีพ แต่เมื่อดาริโอป่วยใกล้ตายอย่างมีเงื่อนงำจึงอ้างสิทธิ์ของผู้มีพระคุณให้ดิโอ บรันโด ลูกชายเข้ามายังตระกูลโจสตาร์เพื่อครอบครองสมบัติของตระกูลโจสตาร์และสืบทอดตระกูลบรันโดต่อไป และจอร์จยินดีรับดิโอเข้ามาเป็นบุตรบุญธรรม รวมถึงรับเลี้ยงดิโออย่างเท่าเทียมเสมอโจนาธาน(โจโจ้) ลูกของตน ทั้งคู่ต่างมีความคล้ายคลึงกันในบุคลิกและความสามารถ แต่ลักษณะของความคิดและนิสัยกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดิโอมักจะหาโอกาสกลั่นแกล้งโจโจ้เสมอทันทีที่มีโอกาสทุกครั้ง แม้แต่เอริน่า เพนเดิลตันหญิงสาวที่ที่โจโจ้รักก็ตาม เมื่อโตขึ้น โจนาธาน โจสตาร์ได้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับอารยธรรมโบราณ และสนใจในหน้ากากศิลา จนกระทั่งเมื่อโจโจ้รู้ความลับอันดำมืดของดิโอที่พยายามฆาตกรรมพ่อของตนเหมือนที่ทำกับพ่อของเขา โจโจ้จึงออกตามหาพ่อค้าชาวจีนผู้ขายยาให้ดิโอ และได้พบกับสปีดวาก้อน ดิโอสูญสิ้นโอกาสและความหวังที่ตั้งใจไว้ ต่อมาดิโอได้แอบเข้าไปค้นหาหน้ากากศิลา และค้นพบความลับของหน้ากากศิลาด้วยความบังเอิญ แต่ก็ยังไม่ได้ใช้หน้ากากนั้น เมื่อโจโจ้ได้ตัวพ่อค้าชาวจีนจึงเดินทางกลับพร้อมสปีดวาก้อน ทุกคนรู้ความลับและเข้าจับกุมดิโอ ดิโอจึงตัดสินใจสวมหน้ากาก และได้รับพลังจากหน้ากากศิลา ทำให้กลายเป็นผีดิบ โจโจ้จึงเข้าต่อสู้ และชนะอย่างหวุดหวิด ได้พบกับเอริน่า แพดเดิลตัน คนรักเก่า และได้พบกับวิล เอ เซเปลี่ ผู้รู้ความลับหน้ากากศิลา และได้สอนพลังคลื่นมนตราให้เพื่อต่อสู้กับผีดิบ จนกระทั่งรู้ว่าดิโอยังไม่ตาย พวกโจโจ้จึงออกเดินทางไปยังเมืองวินไนส์ และได้เข้าต่อสู้กับผีดิบ เช่น แจ็ค เดอะริปเปอร์ ทาลูกัสและบราฟอร์ด ในการต่อสู้กับทาลูกัส เซเปลี่พลาดท่า ถูกฆ่าตาย ก่อนตายได้ให้พลังสุดท้ายกับโจโจ้ จึงสามารถล้มทาลูกัสได้ ระหว่างได้พบกับอาจาร์ยทมเปตี้ผู้สอนพลังคลื่อนมนตราให้เซเปลี่และลูกศิษย์ ไดเออร์และสเตลท์ และได้เข้าห้ำหันกับดิโอ และได้รับชัยชนะ ดิโอตัวขาดออกจากกันจนเหลือแต่หัว และได้ถูกพ่อค้าชาวจีน(ถูกดิโอทำให้เป็นผีดิบ) ช่วยไว้ เวลาผ่านมาไม่นานโจโจ้แต่งงานกับ เอริน่า เพนเดิลตั้น หญิงสาวคนรักและฮันนีมูนกันบนเรือ และโจโจ้ก็พบว่า ดีโอ ยังไม่ตายและตามมาล้างแค้นโจโจ้บนเรือ ซึ่งคราวนี้โจโจ้เสียท่าให้ดีโอจนมีสภาพบาดเจ็บเกินกว่าจะต่อสู้ได้ จึงตัดสินใจทำลายเรือ พลีชีพตนเองไปพร้อมกับดีโอจมลงไปในทะเล และช่วยชีวิตเอริน่า กับลูกในท้อง และเด็กหญิงคนหนึ่งไว้
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%89_%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559